•  
  •  
  •  
 
   
   
โชคดีที่สุดที่ได้เกิดเป็นลูกแม่
   
" คำที่โอบคิดว่าเหมาะสมกับคุณแม่ คือ เป็นผู้นำ
คุณแม่มีความเป็นผู้นำทั้งในแง่ของการบริหาร
เป็นผู้นำในเรื่องของวิสัยทัศน์
เพราะฉะนั้นก็คิดว่าคุณแม่สามารถเป็นผู้นำในทุก ๆ เรื่อง
โดยเฉพาะเป็นผู้นำในเรื่องของการบริหาร ในด้านธรรมาภิบาล
เพราะฉะนั้นคิดว่าสิ่งนี้ คือ
สิ่งที่แสดงถึงความเป็นคุณแม่ได้อย่างชัดเจน "
   
 
โอบดีใจมากที่ได้อยู่กับแม่ตลอดตั้งแต่เกิดจนเรียนจบปริญญาตรี (เพราะพี่ ๆ น้อง ๆ คนอื่น ๆ ไปเรียนกรุงเทพฯ ตั้งแต่มัธยม) เลยได้รับรู้ความเป็น
คุณแม่มากมาย โอบจำภาพได้ตั้งแต่พวกเรายังเล็ก ๆ อยู่กันพี่น้อง 5 คน มีคุณแม่ที่ทำงานหนักแต่สามารถดูแลลูก ๆ ได้เป็นอย่างดี แม้ยามทุกข์หรือยามสุข คุณแม่เป็น ลูกเจ้าของโรงเรียน แต่คุณแม่ก็ไม่เคยขออะไรมากมายจากคุณตา เลี้ยงดูพวกเราตามกำลัง คุณแม่สมถะอาศัยความขยันขันแข็ง ความอดทนของตนเองเป็นหลักในการ เลี้ยงดูและสร้างฐานะจนถึงปัจจุบัน คุณแม่ไม่เคยท้อแต่เป็นนักสู้ สู้อย่างซื่อสัตย์สุจริต คุณแม่เริ่มต้นเป็นครูใหญ่ตั้งแต่อายุ 22 ปี ความรับผิดชอบสูง แต่คุณแม่ก็ พยายามจนบริหารงานได้ 3-4 แห่ง ซึ่งยังไม่รวมถึงคุณแม่ทำงานสังคมการกุศลมากมาย คุณแม่ถือว่าเป็น "ต้นแบบ" (Role Model) ได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเรื่องความ ขยัน อดทน ความมีน้ำใจ ความสมถะ ความซื่อสัตย์ ตลอดจนการบริหารงานอย่างมีวิสัยทัศน์ และที่สำคัญคุณแม่เป็นแม่แบบของความกตัญญู ตั้งแต่จำความได้คุณแม่ ดูแลคุณตา คุณยาย คุณปู่และคุณย่า อย่างดี จนคุณปู่และคุณย่าเองรักคุณแม่มาก พวกเราจึงเห็นแบบอย่างที่คุณแม่ดูแลท่านและซึมซับมาเป็นอย่างดี
 
โอบโชคดีเพราะคุณแม่เป็นคนใจดี รักลูกมากเพราะไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน ท่านก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี จนกระทั่งเราโตเป็นผู้ใหญ่แม่ก็ยังดูแล
คงเป็นเพราะความเป็นแม่และความสุขที่ได้ทำ แต่ช่วงที่โอบแย่ที่สุด ก็เป็นช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตเพราะคุณแม่เป็นบุคคลที่ให้กำลังใจเราได้ดีที่สุด คุณแม่เดินทางไปกับ
โอบทุกที่ไม่ว่าหมอจะอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน คุณแม่เคยพูดกับคุณหมอของโอบว่า "เราเกิดเค้ามาแล้วเราก็ต้องดูแลเค้าให้ดีที่สุด" เนื่องจากช่วงป่วยโอบต้องอยู่ที่ บ้านตลอด คุณแม่จะพยายามมารับประทานข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนด้วยตลอด แต่ถ้ามาไม่ได้ก็ไม่เคยลืมให้เด็ก ๆ เอากับข้าวมาให้หรือจะโทรมาตลอดว่าทานข้าวหรือยังลูก จนกระทั่งโอบมารักษาที่กรุงเทพฯ แม่จะโทรถามทุกวัน "เจ็บตรงไหนบ้างวันนี้" และจะส่งขนม อาหารมาให้บ่อย ๆ แม่เป็นแม่ประเสริฐสุด แล้วสำหรับลูกคนนี้ แม่ไม่ ยอมเที่ยวที่ไหนไกล ๆ เพราะสงสารโอบที่ไม่ได้ไป แม่เป็นเช่นนี้อยู่หลายปี โอบเองก็สงสารและขอร้องแม่ว่าให้เที่ยวพักผ่อนบ้าง จนเพิ่งจะไปเที่ยวบ้าง ลูก ๆ เลยดีใจ กันทุกคน แม่ไม่เคยทิ้งลูกมีแต่ให้กำลังใจตลอดเวลา เวลาพวกเราทำงานมีปัญหาอะไรคุณแม่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดี เพราะฉะนั้นเราจะสบายใจที่ท่านช่วยแนะนำอะไร
ได้เป็นอย่างดี พวกเราลูก ๆ จึงทำงานที่บ้านอย่างมีความสุข ลูก ๆ จบการศึกษามาคุณแม่ไม่เคยบังคับว่าต้องกลับมาทำที่โรงเรียน แต่พวกเราก็เต็มใจกลับมาช่วยแม่ กันทุกคน ไม่ว่าจะไปเรียนไกลแค่ไหนก็ต้องกลับมาอยู่กับแม่
 
ช่วงที่โอบอยู่กับคุณแม่ 2 คน ที่หาดใหญ่ โดยเฉพาะตอนโอบเรียนที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต้องทำกิจกรรมมากมายที่มหาวิทยาลัย จนกระทั่ง
ดึกดื่นบางครั้งถึงเช้า โดยเฉพาะต้องทำละครเวทีกับเพื่อน ๆ กลุ่มใหญ่ แต่แม่ไม่เคยโกรธ ได้แต่เตือนบ้างเพราะเป็นห่วงขับรถดึก ๆ แม่ไว้ใจเพราะทราบดีว่าเราไม่เที่ยว แต่จะมุ่งมั่นกับการเรียนและทำกิจกรรม โอบจึงมีความสุขในช่วงชีวิตการเรียนตอนนี้มาก เพราะได้ทำสิ่งที่ตนเองรักอย่างอิสระ
 
ความมีน้ำใจของคุณแม่เผื่อแผ่ไปถึงคุณพระคุณเจ้า ตลอดจนคุณหมอของโอบทุกคน ไม่ว่าจะที่หาดใหญ่หรือกรุงเทพฯ แม่มักจะส่งอาหาร ผลไม้ไป
ให้หมอเสมอ บางครั้งเผื่อหมอทุกคนในโรงพยาบาล คุณแม่เป็นคนที่ดูแลทุกคนที่ดูแลลูกของคุณแม่เพื่อตอบแทน น้ำใจของคุณแม่จึงมากมาย ความเป็นคนใจบุญของ คุณแม่ จึงมักจะได้มีโอกาสได้ทำงานกับพระสงฆ์มากมาย ตลอดจนพระผู้ใหญ่หลายรูปก็ให้ความเมตตาแก่คุณแม่
 
ในชีวิตส่วนตัวคุณแม่นั้น คุณแม่ไม่ค่อยได้ทำอะไรเพื่อตนเองเลย มีแต่งานและงาน ตื่นเช้ามาก็จะต้องไปทำงานหรือไม่ก็ทำอยู่ที่บ้านก็คือนั่งโทรศัพท์
ติดต่องานตลอดเวลา ไม่เคยหยุดแม้วันอาทิตย ์เป็นเช่นนี้มาตลอด จะเที่ยวต่างจังหวัดบ้างก็แค่ปีละครั้ง เพราะห่วงบ้าน ห่วงโรงเรียน และคงสนุกที่ได้ทำงานที่สำคัญ คือเป็นห่วงต้นไม้มาก จนเป็นที่ขำขันคือ ถ้าหาคุณแม่ไม่เจอว่าอยู่ที่ไหนบางทีให้มองไปที่บริเวณสวนในมหาวิทยาลัยก็จะเห็นคุณแม่ ความรักต้นไม้ของคุณแม่จึง ทำให้พี่ ๆ น้อง ๆ รักต้นไม้ไปด้วย
 
ความมีวิสัยทัศน์ในการทำงานของแม่นั้น ทำให้ลูก ๆ ต้องพยายามคิดค้นเรื่องใหม่ ๆ หรือพัฒนาปรับปรุงโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยให้ทันสมัยตลอดเวลา
คุณแม่สอนให้แข่งกับตัวเอง ต้องทำให้มีคุณภาพมากที่สุด ตลอดจนจิตวิญญาณความเป็นครู คุณแม่เป็นคนมีระเบียบมาก แต่ก็สร้างลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จได้ มากมาย มีความเอื้ออาทรต่อลูกศิษย์ นี่คือสิ่งที่เราลูก ๆ ได้ซึมซับมา คุณแม่มุ่งมั่นเสมอเพื่อให้ลูกศิษย์เป็นคนที่มีคุณภาพ เราจึงพยายามสานต่อความมุ่งมั่นของคุณแม่ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะล้ำหน้าไปเพียงใด แต่ความเป็นคนดีจะต้องยังคงอยู่ตลอด นี่คือสิ่งที่คุณแม่สอน
 
ในโอกาสที่คุณแม่ครบ 72 ปี ในปีนี้ โอบจึงอยากให้แม่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น ได้ออกกำลังกาย พักผ่อนมากขึ้น
เที่ยวมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดขอให้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกตราบนานเท่านาน
   
   
รักแม่ที่สุด
โอบ
รัศมิมาน สัตยารักษ์