|
|
|
|
โรงเรียนเอกชนแห่งแรกในอำเภอหาดใหญ่ |
|
|
|
เมื่อท่านรองอำมาตย์ตรีดัด และคุณทวดเชย ดิษยะศริน เปิดโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาได้จนเป็นผลสำเร็จ ในปี พ.ศ.2478 จึงนับได้ว่า |
"โรงเรียนหาดใหญ่วิทยา" แห่งนี้ เป็นโรงเรียนเอกชนแห่งแรกที่เกิดขึ้นในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นการเปิดโรงเรียนหลังจากที่ภาครัฐได้มีประกาศ พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ผ่านพ้นไป 17 ปี การเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาในรุ่นแรกนั้น มีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้น ป.เตรียม ป.1 ไปจนถึง ระดับชั้นมัธยมศึกษา |
|
บรรยากาศโดยทั่วไปของเมืองหาดใหญ่ในช่วงนี้ จัดว่าเป็นช่วงที่เมืองกำลังพัฒนา หลายสิ่งหลายอย่างเจริญเติบโตและมีพัฒนาการดีขึ้นโดยลำดับ |
จนกระทั่ง เมื่อมีพลเมืองหนาแน่นขึ้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประกาศใช้ในพระราชกฤษฎีกา ยกฐานะเมืองหาดใหญ่ขึ้นเป็น สุขาภิบาลหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2478 ซึ่งในขณะที่ออกประกาศนั้น เมืองหาดใหญ่มีประชากรประมาณ 5,000 คน และในปีเดียวกันนี้เอง นางสาวจงกลนี ดิษยะศริน น้องสาวของ ท่านอาจารย์ประดิษฐ์ ดิษยะศริน ก็ได้รับเลือกเป็นนางงามประจำจังหวัดสงขลาด้วย |
|
การบริหารโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาของท่านรองอำมาตย์ตรีดัด และคุณทวดเชย ดิษยะศริน ในสมัยนั้น พล.อ.อ.ประหยัด ดิษยะศริน ได้เล่าไว้ใน หนังสือ |
ชีวประวัติ พล.อ.อ.ประหยัด ดิษยะศริน ปรากฏความดังนี้ |
|
|
|
"ผมจำได้ว่าเมื่อผมยังเป็นเด็ก อายุประมาณ 7-8 ขวบ ผมเห็นการทำงานของคุณพ่อคุณแม่ของผม ในการบริหารกิจการของ "โรงเรียนหาดใหญ่วิทยา" ผมจำได้ว่าคุณพ่อและคุณแม่จะทำงานหนักมากต้องตื่นนอนแต่เช้าตรู่ ประมาณตีห้านาฬิกาย่ำรุ่ง คุณพ่อจะดูแลความเรียบร้อยในเรื่องของการศึกษา เช่น ห้องเรียนทุกห้องมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งของครู นักเรียน ภารโรง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ต้องเรียบร้อย ส่วนคุณแม่ต้องทำงานหนักเช่นกัน ตื่นนอนประมาณตีห้าย่ำรุ่งเหมือนกัน นั่งรถไปจ่ายตลาดกับคนรับใช้ ซื้อข้าวของที่เกี่ยวกับการประกอบอาหารรับประทาน ซึ่งมีทั้งครู นักเรียนประจำ และนักเรียนไปกลับ รวมทั้งภารโรงแม่บ้านคุณแม่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลหมดทุกอย่าง เรียกได้ว่าเลี้ยงคนหมดทั้งโรงเรียน ส่วนร้านอาหารที่ขายกับนักเรียนไปมา (หรือไปกลับ)และครู ทั้งคาวหวาน โรงเรียนควบคุมเองทั้งสิ้น ส่วนรสชาติอาหาร คุณแม่เป็นผู้ปรุงเอง เนื่องจากคุณแม่มีฝีมือในการปรุงประกอบอาหาร เรียกได้ว่าเลิศรส ผู้ที่ได้ลิ้มรสจะต้องติดใจทุกคน" |
|
|
|
ศิษย์ของโรงเรียนหาดใหญ่วิทยา ที่ได้รับสืบทอดการศึกษาต่อมาและคนสำคัญ ก็คือ อาจารย์เสงี่ยม ยศพล โรงเรียนกิตติวิทย์ อาจารย์พรเพ็ญ |
จิตต์เสภา โรงเรียนพลวิทยา พ.ต.อ.(พิเศษ)เปรม ชนะรัตน์ จ่าสิบเอกอนันต์ เรืองกูล (ถึงแก่กรรม) |
|
หลังจากที่รองอำมาตย์ตรีดัด และคุณทวดเชย ดิษยะศริน ดำเนินกิจการบริหารโรงเรียนมาได้ระยะหนึ่ง ท่านก็ได้มอบโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาแห่งนี้ให้แก่ |
ลูกสาว คือคุณรสสุคนธ์ สัตย์สงวน ซึ่งต่อมาท่านก็ได้เปลี่ยนกิจการไปสร้างโรงแรม ยังผลให้โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาต้องล้มเลิกไป จากนั้นจึงได้มีการย้ายครู นักเรียน รวมถึงพัสดุ อุปกรณ์การเรียนของโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาทั้งหมดไปถวายให้แก่วัดโคกสมานคุณ และได้ตั้งชื่อโรงเรียนขึ้นใหม่ว่า "โรงเรียนสมานคุณวิทยาทาน" โดยมีอาจารย์ประดิษฐ์ ดิษยะศริน เป็นครูใหญ่คนแรก |
|
ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการเปิดโรงเรียนหาดใหญ่วิทยานี้ สภาพของเมืองหาดใหญ่นอกจากจะมีความเจริญเติบโตในด้านถนนหนทางแล้ว ด้านอื่น ๆ |
ก็มีความเจริญพัฒนามากขึ้นด้วย อาทิ มีการตั้งตลาดเอกชนขึ้นในปีเดียวกันนี้ เรียกว่า "ตลาดเจียกีซี" นอกจากนี้ยังมีโรงภาพยนตร์ "สุคนธหงส์" ของคุณพระเสน่หามนตรี(ชื่น สุคนธหงส์) เกิดขึ้นด้วย ซึ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้บรรยากาศหลายๆ ด้านของเมืองหาดใหญ่เริ่มคึกคักขึ้น |
|
มีเอกสารหลักฐานที่บ่งบอกสภาพของเมืองหาดใหญ่ในยุคสมัยนั้นได้พอเลาๆ ผ่านบทความตอนหนึ่งของวิทย์ บุญรัตน์ นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเสมือน |
ผู้สังเกตการณ์ที่ได้มีโอกาสมาเยือนเมืองหาดใหญ่ และได้นำบันทึก "สภาพเมืองหาดใหญ่" ในยุคสมัยนั้นลงตีพิมพ์ในหนังสือ "กรุงเทพฯวารศัพท์" เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2479 ปรากฏข้อความดังนี้ |
|
|
|
"หาดใหญ่นี่แหละเปนสูนย์กลางของการค้าแร่ดีบุกเปนส่วนมากและแร่ทุกชนิด ยางพารารับเบอร์และการปลูกยาง มันสำปะหลังสำหรับการทำสาคูส่งต่างประเทศ ในภาคใต้ของประเทศสยาม เปนสูนย์กลางของทางรถไฟในภาคใต้ แยกไปสงขลา ปัตตานี และปาดังเบซาร์ ทั้งเปนอำเภอ ๆ เดียวในภาคใต้ที่มีการติดต่อ กับต่างประเทศและมีความเจริญครึกครื้นเทียบเท่าที่ตั้งของจังหวัดทีเดียว" |
|
|
|
ต่อจากนั้นมาในปี พ.ศ.2480 อาจารย์ประดิษฐ์ ดิษยะศริน ซึ่งมีอายุครบ 22 ปี ก็ได้สมรสกับคุณยายลำดวน ดิษยะศริน (จามิกรณ์) มีบุตรและธิดา |
รวม 3 คน ได้แก่ ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน นายณรงค์ ดิษยะศริน และท่านอาจารย์ลักขณา ดิษยะศริน(ตะเวทิกุล) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|