|
|
|
|
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของครอบครัว "ดิษยะศริน" |
|
|
|
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของครอบครัว "ดิษยะศริน" ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็น "จุดเปลี่ยนแห่งการเริ่มต้น" สำหรับการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสถานศึกษา |
ของครอบครัวก็คงจะกล่าวได้ เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ครอบครัวดิษยะศริน โดยเฉพาะท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ได้เริ่มต้นกิจการสถานศึกษาเอกชน จนกระทั่ง เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ เมื่อคุณรสสุคนธ์ (น้องสาวท่านอาจารย์ประดิษฐ์ ดิษยะศริน) และสามี คือ นายฟู สัตย์สงวน ได้เปิดโรงเรียนขึ้นมาใหม่ในบริเวณ ถนนผดุงภักดี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2496 โดยตั้งชื่อโรงเรียนว่า "โรงเรียนสัตย์สงวนวิทยา" |
|
มูลเหตุที่ทำให้ท่านทั้งสองคิดที่จะจัดตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นก็ด้วยเหตุผลว่า โรงเรียนในอำเภอหาดใหญ่ในสมัยนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่ประสงค์จะ |
เรียนต่อเป็นจำนวนมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเจ้าของโรงเรียน คือ นายฟู สัตย์สงวน มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของการศึกษาอยู่เป็นทุนเดิม รวมถึงมีความ ศรัทธาที่จะช่วยสนับสนุน นโยบายการศึกษาของชาติ จึงได้ดัดแปลงอาคารชั้นเดียว ซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 10/1 ถนนผดุงภักดี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขึ้นเป็น โรงเรียน และใช้นามสกุล "สัตย์สงวน" ตั้งเป็นชื่อโรงเรียนว่า "โรงเรียนสัตย์สงวนวิทยา" โดยมีขุนวิเทศธนวิจารณ์ เป็นผู้จัดการและครูใหญ่ในสมัยนั้น |
|
ต่อมาในปี พ.ศ.2498 ทั้งสองท่านมีความประสงค์ที่จะย้ายโรงเรียนแห่งนี้ไปตั้งขึ้นใหม่ที่กรุงเทพฯ (ปัจจุบันคือโรงเรียนสัตย์สงวนวิทยา ในเขตพื้นที่ |
สามเสน) จึงได้โอนขายกิจการให้แก่พี่ชาย คือท่านอาจารย์ประดิษฐ์ ดิษยะศริน และคุณยายลำดวน ดิษยะศริน ในปีเดียวกันนั้น |
|
หลังจากที่อาจารย์ประดิษฐ์ ดิษยะศริน ได้ซื้อโอนกิจการต่อมาจากน้องสาว ก็ได้เปลี่ยนชื่อ "โรงเรียนสัตย์สงวนวิทยา" เป็น |
"โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์" อักษรย่อ "อว" ภายใต้การรับรองวิทยฐานะของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7 ซึ่งในยุคแรกที่เปิดการเรียนการสอนมีนักเรียนเพียง 200 คนเศษเท่านั้น สำหรับการบริหารในขณะนั้น มีท่านอาจารย์ประดิษฐ์ ดิษยะศริน ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าของ และผู้จัดการ และได้เริ่มดำเนินกิจการนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา |
|
ในช่วงเวลาแห่งการบุกเบิกนี้เอง ที่ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยามาใหม่ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วม |
ในการบริหารโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2504 เป็นต้นมา จนกระทั่งโรงเรียนได้ขยายระดับชั้นการศึกษาของนักเรียน จากชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.1) จนกระทั่งถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น(ม.ศ.3) สายสามัญ ในที่สุด |
|
ภายใต้การบริหารงานและดูแลกิจการสถานศึกษาอย่างใกล้ชิด ของท่านอาจารย์ประดิษฐ์ และคุณยายลำดวน ดิษยะศริน ทำให้โรงเรียนหาดใหญ่ |
อำนวยวิทย์มีความเจริญก้าวหน้าขึ้นโดยลำดับ ซึ่งสมัยนั้นเมืองหาดใหญ่มีโรงเรียนเกิดขึ้นเพียงไม่กี่โรง และที่เป็นโรงเรียนเอกชนก็เห็นจะมีแต่โรงเรียนดรุณศึกษา เท่านั้น ที่เปิดสอนควบคู่กันมา |
|
หลังจากที่ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ได้เข้ามาช่วยเหลือกิจการของครอบครัวอย่างเต็มที่แล้ว ท่านก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวผิดหวังเลยแม้แต่น้อย |
จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2518 ท่านจึงมีแนวความคิดที่จะเปิดสถานศึกษาของตัวเอง และท่านได้เริ่มทำจนเป็นผลสำเร็จ โดยได้เปิดโรงเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ในสายอาชีวะขึ้นชื่อว่า "โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์พณิชยการ" โดยการแนะนำของท่านพิทยา ไทยวุฒิพงศ์ และท่านก็ได้ใช้อาคารเรียนเดิมเป็นสถานที่พัก อาศัยมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง |
|
ในปี พ.ศ.2518 ซึ่งเป็นปีเดียวกันนี้เอง โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของคุณพ่อและคุณแม่ของ |
ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ก็ได้รับโล่เกียรติคุณจากกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ว่าเป็นโรงเรียนที่นักเรียนมีความประพฤติดี และบำเพ็ญประโยชน์ จากสังคม ต่อมาระหว่าง พ.ศ.2519-2520 โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ก็ได้รับโล่เกียรติคุณจากกระทรวงศึกษาธิการในรางวัลเดียวกันนี้อีก นับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่ ได้รับโล่เกียรติคุณ ต่อเนื่องยาวนานถึง 3 ปีซ้อน |
|
สำหรับในส่วนของโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์พณิชยการ ซึ่งท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน เป็นผู้บริหารและดูแลอยู่นั้น ในปีแรกมีนักเรียนเพียง |
32 คน แต่เมื่อนักเรียนรุ่นแรกสำเร็จการศึกษาออกไป ปรากฏว่าเป็นที่ต้องการของผู้ปกครองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากว่านักเรียนที่สำเร็จออกไปล้วนแต่มีคุณภาพ บริษัท ห้างร้านมีการจองตัว นักเรียนตั้งแต่ก่อนจบการศึกษาเพื่อรับเข้าทำงาน |
|
เมื่อดำเนินกิจการไปพอสมควร ประมาณ ปี พ.ศ.2523 ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ก็ได้ย้ายโรงเรียนไปตั้งในที่ใหม่บริเวณหาดใหญ่ใน บนเนื้อที่กว่า |
4 ไร่ซึ่งคุณปู่ไพรัช และคุณย่าพิศ สัตยารักษ์ เป็นผู้มอบที่ดินให้ ณ เลขที่ 9/2 ซอย 26 ถนนเพชรเกษม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา |
|
ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ได้กล่าวถึงบรรยากาศของการเปิดการเรียนการสอนในช่วงนั้นไว้ว่า
|
|
|
|
"เด็กของเราที่สำเร็จออกไปนั้น ได้รับความนิยมจากผู้ปกครองเป็นอย่างสูง เพราะเด็กของเรามีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ จำนวนนักเรียนที่สมัครเข้าเรียน จึงได้เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณทุกปี" |
|
|
|
เมื่อผลของการดำเนินกิจการสถานศึกษาก้าวหน้าไปได้ด้วยดีเช่นนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษา ธิการจึงได้แนะนำให้ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน |
เปิดการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ในปี พ.ศ.2525 ซึ่งท่านอาจารย์ก็ได้แบ่งรับแบ่งสู้ และขอยืดระยะเวลาของโครงการนี้ออกไปอีกประมาณ 2 ปี เนื่องจากอยู่ ในช่วงที่กำลังจะมีการเปลี่ยนหลักสูตรใหม่ |
|
จนในที่สุด ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ก็ได้ขยายการศึกษาไปจนถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงได้จนเป็นผลสำเร็จ ในปี พ.ศ.2527 ก็คือ |
"โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์บริหารธุรกิจ" ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินผืนเดียวกันกับโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์พณิชยการ |
|
มูลเหตุที่ท่านคิดจะขยายโรงเรียนในตอนนั้นก็เนื่องมาจากว่า มีเสียงเรียกร้องจากผู้ปกครอง นักเรียน และจากอดีตผู้อำนวยการกองโรงเรียนอาชีวศึกษา |
ในสมัยนั้น คือ ท่านพิทยา ไทยวุฒิพงศ์ ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านอาจารย์ประณีตให้ความเคารพนับถือ โดยท่านพิทยาได้เปรยกับท่านอาจารย์ประณีตว่า ต้องการที่จะ ให้มีสถานศึกษา เพื่อรองรับนักเรียนในชุมชนที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี และในที่สุดท่านอาจารย์ประณีตก็ได้บุกเบิกพัฒนาโรงเรียนขึ้นจนเป็นผลสำเร็จ |
|
หลังจากที่เปิดโรงเรียนมาได้ระยะหนึ่ง ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ก็เริ่มเห็นปัญหาว่า โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์พณิชยการนี้ มีทีท่าว่าจะ |
คับแคบไป เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงได้ดำเนินการขยายโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์บริหารธุรกิจออกมาตั้งโรงเรียนใหม่ ที่ 125/501 ถนนพลพิชัย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บนพื้นที่ 40 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำการประปาส่วนภูมิภาคในปัจจุบัน |
|
แต่กว่าที่ทุกอย่างจะดำเนินมาจนถึงจุดนี้ได้นั้น ทุกภาพทุกเหตุการณ์ยังคงตราตรึงและไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำ ของท่าน |
อาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ซึ่งท่านได้กล่าวถึงช่วงสมัยที่ได้มีการบุกเบิกไว้ ดังนี้ |
|
|
|
"กว่าจะมาถึงจุดนี้ เราเหน็ดเหนื่อยกันมาก ได้ต่อสู้กันมามากมาย โดยเฉพาะช่วงสมัยที่อยู่โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์เดิม แทบไม่น่าเชื่อว่าเราฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาได้ ซึ่งผู้ที่ได้ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นวิกฤติการณ์มาได้โดยตลอดนั้น ก็ด้วยญาติผู้ใหญ่ คือคุณอา ซึ่งเป็นน้องชายของคุณพ่อ ท่านพล.อ.อ.ประหยัด ดิษยะศริน และคุณหญิงวิจิตรา ดิษยะศริน เราอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะท่าน ท่านทั้งสองเปรียบเสมือนคุณพ่อและคุณแม่ และท่านทั้งสองนั้นก็รักพี่ชายและพี่สะใภ้มาก บุญคุณของคุณอาทั้งสองท่านนี้ รวมถึงคุณปู่ไพรัช และคุณย่าพิศ สัตยารักษ์ เป็นสิ่งที่จดจำไม่เคยลืม" |
|
|
|
หลังจากที่ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน เปิดโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์บริหารธุรกิจมาได้ระยะหนึ่ง ในปี พ.ศ.2528 ท่านอาจารย์ประดิษฐ์ |
ดิษยะศริน ก็เริ่มเจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับสมอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คุณพ่อของท่านเจ็บป่วยอยู่นั้น ญาติ พี่น้อง และลูกหลาน โดยเฉพาะท่านอาจารย์ประณีต ได้คอยปรนนิบัติดูแลท่าน ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่อย่างใกล้ชิด และจะแวะไปเยี่ยมเยียนคุณพ่อของท่านทุกวันมิได้ขาด แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีที่ท่านมีต่อบุพการี และหลานที่เยี่ยมคุณตาทุกวัน ก็คือ "หลานโอบ" เพราะเรียนที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
|
ในช่วงเวลาที่เสมือนต้องฟันฝ่าวิกฤติการไปให้ได้นั้น ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ก็ยังคงมีความมุ่งมั่นและทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่อง ยังผลให้สิ่งที่ |
ท่านได้สร้างทำเป็นระยะเวลาอันยาวนานนั้นได้รับการพิจารณาจากองค์กรในส่วนกลาง |
|
เมื่อท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ได้รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ในปี พ.ศ.2529 ซึ่งให้ไว้เพื่อแสดงว่า |
|
|
|
"ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน เป็นผู้ที่อยู่ในมาตรฐานแห่งคุณธรรมและความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพครู" |
|
|
|
ไม่เพียงแต่เป็นต้นแบบในด้านของคุณธรรมและจริยธรรมเท่านั้น ในกิจการงานส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวกับด้านศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะดนตรีไทย |
ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยในปี พ.ศ.2530 ท่านได้ดำริที่จะจัดงานมหาดุริยางค์ไทยขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา โดยได้เชิญบุคลากรทางดนตรีไทยจากสถาบันการศึกษา 19 สถาบัน เข้าร่วมการบรรเลงในลักษณะ "มหาดุริยางค์" ซึ่งมีจำนวนผู้ที่ร่วมบรรเลงกว่า 200 คน นับเป็นการจัดงานบรรเลงดนตรีไทยแบบวงใหญ่เป็นแห่งแรกในส่วนภูมิภาค |
|
|
|
|
|
|
|
|