•  
  •  
  •  
 
   
   
 
ในเรื่องของการจดบันทึกอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งเป็นอุปนิสัยนี้   นับเป็นอีกหนึ่งบุคลิกลักษณะหนึ่งที่ท่านอาจารย์ประณีต  ดิษยะศริน  ได้ปฏิบัติจน
เป็นกิจวัตรบุคคลต่าง ๆ ที่ได้สัมผัสกับท่าน  คงได้ทราบหรือได้พบเห็นกันจนคุ้นตา จนกระทั่งเรียกได้ว่าการจัดบันทึกสิ่งต่างๆ อย่างสม่ำเสมอดังกล่าวนี้  นับเป็นวิธีการ ทำงานอย่างหนึ่ง ของ ท่านอาจารย์ประณีต   ดิษยะศริน ไปเสียแล้ว
 
วิธีการทำงานดังเช่นที่กล่าวนี้เอง   ที่ท่านอาจารย์ประณีต   ดิษยะศริน  ได้พยายามที่จะปลูกฝังแก่คนรอบข้าง   จนกระทั่งปัจจุบันอาจเรียกได้ว่า 
การจดบันทึกเป็นลักษณะเด่นอีกเรื่องหนึ่งในวัฒนธรรมขององค์กร   ที่ซึมซาบไปสู่บุคลากรทุกๆ คน ของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่   รวมไปถึงโรงเรียนในเครือหาดใหญ่ อำนวยวิทย์
 
ลักษณะของการจดบันทึกอย่างสม่ำเสมอเช่นนี้   ไม่เพียงเป็นเครื่องมือช่วยจำแต่เพียงเท่านั้น   หากแต่ยังเป็นเครื่องมือในการตระเตรียม  หรือเตรียม
ความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ที่มีกำหนดจะต้องดำเนินการต่อไป   กล่าวได้ว่าจะต้องมีการจดบันทึกในเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องดำเนินการชนิดวันต่อวันกันเลยทีเดียว  หรือหาก ปล่อยปละละเลยไว้จนข้าม วันข้ามคืนก็คงจะเสียการ   ดังนั้นจึงมิใช่ภาพที่แปลกตาแต่ประการใด     ที่ผู้ที่ใกล้ชิดกับท่านอาจารย์ประณีต    ดิษยะศริน   จะยังคงเห็น ภาพของท่านอาจารย์นั่งลงที่โต๊ะทำงาน   หรืออาจจะเป็นการนั่งลงจดบันทึกในเวลาที่ออกปฏิบัติงานนอกสถานที่   โดยมีการจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ แม้จะเป็นเวลา ค่ำมืดดึกดื่นก็ตาม
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.วิทวัส   ดิษยะศริน  สัตยารักษ์ ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า  "ในการบริหารโรงเรียนนั้น  ท่านอาจารย์ประณีตจะต้องมีการจดบันทึกเป็น
ประจำวันแทบทุกวัน"
 
สอดคล้องกับที่อาจารย์จารุวรรณ  รัตนมณี   ผู้ซึ่งเป็นทั้งศิษย์เก่าและเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา  ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์
ในปัจจุบันได้ให้ข้อมูลว่า    "ท่านอาจารย์ประณีต   จะมีการจดบันทึกของท่านเป็นประจำวัน   โดยเฉพาะในการบริหารโรงเรียนท่านจะมีการจดบันทึกเป็น รายวันเพื่อ ให้เกิดความเรียบร้อย   นับเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน   นี้มีจำนวนกว่าร้อยเล่ม  ดังที่ปรากฏใน "สมุดหมายเหตุรายวัน"
 
และหากจะมองย้อนไปในสมัยอดีต  เกี่ยวกับเรื่องของอุปนิสัยในการจดบันทึกของท่านอาจารย์ประณีต  ดิษยะศริน  ก็ทำให้ได้พบต้นเค้าซึ่งอาจจะเรียก
ได้ว่าเป็นต้นแบบ  ซึ่งน่าจะมีส่วนสำคัญหรือไม่ก็ส่งผลในกาลต่อมาให้ท่านอาจารย์มีนิสัยรักในการเขียนหรือจดบันทึกจนเป็นอุปนิสัย  นั่นก็คือท่านอาจารย์ประดิษฐ์  ดิษยะศริน  ซึ่งเป็น คุณพ่อของท่านอาจารย์ประณีต  ดิษยะศริน  นั่นเอง
 
และจากการสืบค้นหลักฐานจากแหล่งต่าง ๆ  โดยเฉพาะเอกสารจำพวกจดหมาย  หรือสมุดจดบันทึก   หรือแม้แต่กระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่
ท่านอาจารย์ประดิษฐ์  ดิษยะศริน  ได้เคยจดบันทึกในเรื่องราวต่าง ๆ ไว้  พบว่าท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่เรียกได้เต็มปากว่ามีจิตวิญญาณในการเป็นนักจดบันทึกอย่างเต็มตัว ท่านมีเอกสาร   ตำราสูตรยาต่าง ๆ  อยู่หลายเล่ม  อาทิ  สมุดบันทึกคาถาอาคม   เอกสารที่จดบันทึกสูตรยาแผนโบราณต่าง ๆ  รวมไปเรื่องราวในคราวที่เกิดนิมิตฝัน ปรากฏหลักฐานว่าท่านก็ยังอุตส่าห์จดบันทึกนิมิต ฝันต่าง ๆ นั้นเอาไว้เพื่อกันลืมด้วย
 
นอกจากที่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการจดบันทึกองค์ความรู้ต่างๆ จนเป็นอุปนิสัยแล้ว  ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าจะเป็นสิ่งที่จะยืนยัน  ถึงการถ่ายทอด
ประสบการณ์หรือแบ่งปันในสิ่งที่ได้รับรู้หรือรับทราบอันน่าจะเป็นประโยชน์แก่บุคคลใกล้ชิดกับท่านอาจารย์ประดิษฐ์  ดิษยะศริน  ดังตัวอย่างเช่น
 
ในสมัยที่ท่านได้ปรุงยาแผนโบราณขึ้นจำหน่ายโดยทั่วไปในระยะหนึ่งแล้วนั้น  หลังจากที่มีการจำหน่ายด้วยวิธีการส่งผู้แทนจัดจำหน่ายออกไปตระเวน
ขายหรือเปิดโอกาสให้มีการเขียนจดหมายเพื่อสั่งซื้อ   โดยมากเนื้อความในจดหมายก็มักจะมีการแสดงความเห็น  เป็นทำนองรายงานผลการใช้ตัวยาของ สถานพยาบาลแสงทิพย์โอสถ  อันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องแนบท้ายจดหมายส่งเข้ามายังอาจารย์ประดิษฐ์   ดิษยะศริน ด้วย ซึ่งจดหมายใดมีเนื้อหาที่เป็น ประโยชน์ ท่านอาจารย์ประดิษฐ์ก็จะส่ง จดหมายนั้น ๆ ต่อไปยังผู้อื่น    ดังเช่น   ปรากฏมีจดหมายฉบับหนึ่งส่งเข้ามายังผู้จัดการบริษัท  ได้ปรากฏร่อยรองหลักฐาน ของการจัดส่งให้ผู้อื่นได้อ่านต่อไว้อย่างชัดเจน   เป็น ข้อความที่ท่านอาจารย์ประดิษฐ์  ดิษยะศริน  เขียนด้วยลายมือไว้สั้นๆที่บริเวณมุมซ้ายด้านบนของหัวกระดาษว่า  "ประณีตอ่านแล้วขอคืนด้วย"  เป็นต้น
 
ลักษณะดังกล่าวนี้  ทำให้พอที่จะมองเห็นภาพอย่างเลาๆว่า   นอกจากอาจารย์ประดิษฐ์    ดิษยะศริน  จะมีนิสัยรักในการจดบันทึกแล้ว   ท่านยังมี
ความคิดที่จะถ่ายทอดในสิ่งที่ตนได้รับรู้รับทราบไปสู่บุคคลใกล้ชิดของท่านอีกด้วย
 
หากจะกล่าวไป    ลักษณะของการถ่ายทอดองค์ความรู้  ให้สรรพวิชาในศาสตร์ต่างๆไม่สูญหายไปดังกล่าวนี้  พบหลักฐานว่าปูชนียบุคคลในครอบครัว
ดิษยะศริน ก็ได้ปฏิบัติสืบทอดลักษณะเหล่านี้มาอย่างมิขาดสาย  ดังเช่น  ท่านอาจารย์ประดิษฐ์    ดิษยะศริน   นอกจากท่านจะถ่ายทอดคุณลักษณะนิสัยดังกล่าว ไปยังบุตรหลานแล้ว  ในอีกด้าน หนึ่งนั้น   ท่านเองก็ได้รับการปลูกฝังและถ่ายทอดคุณลักษณะดังกล่าวนี้มาจากปูชนียบุคคลด้วย   โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นครู และนอกเหนือจากนี้ท่านยังได้รับการถ่ายทอด สูตรการปรุงยาในวิชาการแพทย์แผนโบราณจากคุณทวดเชย   ดิษยะศรินมาอีกต่อหนึ่งอีกด้วย  พิจารณาจากหลักฐาน ในคำขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนโบราณในแทบจะทุกตำรับทุก สูตรที่ท่านอาจารย์ประดิษฐ์   ดิษยะศรินขอขึ้นทะเบียนนั้น   ท่านได้ระบุถึงผู้ที่ถ่ายทอดวิชาไว้ในส่วนของ ชื่อตำรับยาอย่างชัดเจนว่า   "ได้รับการถ่ายทอดจากคุณแม่เชย  ดิษยะศริน   อดีตแพทย์แผนโบราณ   และเป็นมารดาผู้บังเกิดเกล้าของนายประดิษฐ์   ดิษยะศริน"
 
เหล่านี้พอที่จะอนุมานได้ว่า    ลักษณะการจดบันทึกจนเป็นอุปนิสัยของท่านอาจารย์ประณีต  ดิษยะศริน นั้น   ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะได้สัมผัสกับวิธีการ
ทำงานมาจากคุณพ่อหรือคุณแม่   หรือบุพการีของท่าน  ไม่ว่าจะเป็น   การจดบันทึกจนเป็นอุปนิสัย  หรือการแบ่งปันข่าวสารข้อมูลความรู้ จึงทำให้ในวันนี้ท่านได้ ถ่ายทอดสิ่งดีๆเหล่านี้ แก่บุคคลรอบข้าง   เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะแก่การทำงานในเวลาต่อมาอยู่พอสมควรทีเดียว
 
นอกจากการเป็นกุลธิดาผู้ประเสริฐของบุพการี   และเป็น " ลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น "  แล้ว  ยังนับได้ว่าท่านอาจารย์ประณีต  ดิษยะศริน  เป็นดอกผลที่
ผลิบานและเจริญงอกงามขึ้นด้วยความเข้มแข็งเข้มข้น   และทั้งนี้ด้วยท่านมีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะอีกหลายประการอีกเช่นกัน   ที่ได้ผ่านการบ่มเพาะเคี่ยวกรำ  จากปัญหาและอุปสรรค  จนเกิดเป็นประสบการณ์   เป็นพุทธิปัญญา   และเป็นอุปนิสัยของผู้นำที่มีเอกลักษณ์   และเป็นอัตลักษณ์   นอกเหนือจากการถ่ายทอด และ ถอดแบบมาจากคุณพ่อและคุณแม่ของท่าน   และนี่คือปูชนียบุคคลคนสำคัญอีกท่านหนึ่งของชาติไทย   ที่ควรค่าการแก่น้อมคารวะได้อย่างเต็มภาคภูมิ