•  
  •  
  •  
 
   

มูลเหตุที่ครอบครัว "ดิษยะศริน" เลือกลงหลักปักฐานที่ปักษ์ใต้

   
 
ในช่วงประมาณปี พ.ศ.2467 เป็นต้นมา เมืองหาดใหญ่นับเป็นอีกเมืองหนึ่ง ที่จำนวนประชากรค่อยๆ เพิ่มขึ้นโดยลำดับ บ้านเรือนในตลาดหาดใหญ่เพิ่มขึ้น
มากกว่า 100 หลังคาเรือน และยุคสมัยนั้นเป็นยุคแรกๆ ที่เริ่มจะมีหมอเข้ามาเปิดให้บริการรักษาคนไข้ที่โคกเสม็ดชุน ชื่อว่าหมอปีอาร์  พิเลย์ ชาวอินเดีย กิจการของ ท่านเป็นลักษณะคลินิก รักษาโรคทุกชนิด มีชื่อร้านว่า "ดาราสยามโอสถ" (ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของร้านรุ่งแสงอะไหล่ยนต์ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1)
 
นอกจากนี้ยังมีบริษัทห้างร้านอื่นๆ เริ่มทยอยกันเข้ามาเปิดกิจการในเมืองหาดใหญ่เป็นระยะๆ อาทิ บริษัทยิบอินซอย แอนโก ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท
อิสเติลสเมลติ้ง เปิดขึ้นมาเพื่อรับซื้อแร่ดีบุก และส่งออกไปถลุงที่เมืองปีนัง เป็นต้น
 
แม้ว่าเมืองหาดใหญ่จะมีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น แต่กระนั้นทางด้านการคมนาคมก็จัดว่ายังไม่มีความสะดวก ถนนและไฟฟ้า
ยังไม่ดี การเดินทางสัญจรยังต้องอาศัยการเดินเท้าและใช้ตะเกียงเจ้าพายุเพื่อให้แสงสว่างเป็นหลัก
 
ในสภาพการณ์ที่เมืองหาดใหญ่อยู่ในยุคกำลังพัฒนาดังเช่นที่กล่าวมานั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันกับที่ครอบครัว "ดิษยะศริน" ได้ตัดสินใจโยกย้าย
ครอบครัวมาลงหลักปักฐานเพื่ออาศัยอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2477
 
ซึ่ง พล.อ.อ.ประหยัด  ดิษยะศริน ได้เล่าถึงมูลเหตุที่คุณพ่อของท่าน คือรองอำมาตย์ตรีดัด และคุณทวดเชย ได้ตัดสินใจโยกย้ายครอบครัว "ดิษยะศริน"
มาปักษ์ใต้โดยเลือกที่จะลงหลักปักฐานที่เมืองหาดใหญ่ ไว้ดังนี้
   
 
                    "หลังจากที่คุณพ่อย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในกรุงเทพฯ หลายปีก็นึกเบื่อหน่ายกับการรับราชการจึงตัดสินใจลาออกก่อนเกษียณ โดยคุณพ่อ มีแผนการในอนาคตไว้ว่า เนื่องจากท่านมีลูกที่ยังไม่ได้ออกเรือน (แต่งงาน) อยู่อีก 4 คน ยังเป็นภาระเลี้ยงดูอยู่ต่อไป
 
                    เนื่องจากคุณแม่(คุณทวดเชย  ดิษยะศริน) เป็นคนปักษ์ใต้ ได้ตรวจสอบเส้นทางทำมาหากินแล้วเห็นว่าอำเภอหาดใหญ่ เป็นอำเภอที่ เหมาะสมกับการไปตั้งตัวทำมาหากินที่นั่น ในที่สุดคุณพ่อก็ได้เดินทางไปอำเภอหาดใหญ่ ซื้อที่ดิน 1 แปลง  ประมาณ 3 ไร่ สร้างอาคาร เพื่อทำโรงเรียน สอนนักเรียน เพราะเห็นว่า
 
                    1. ที่อำเภอหาดใหญ่ขณะนั้นยังไม่มีโรงเรียนไทยของเอกชนเลย มีอยู่โรงเรียนเดียว คือ โรงเรียนเทศบาลอำเภอหาดใหญ่ และโรงเรียน จีน ชื่อโรงเรียนจงฮั้ว ในขณะนั้นอำเภอหาดใหญ่ อยู่ภายใต้อิทธิพลของคนจีน ใครจะมาตั้งโรงเรียนสอนภาษาไทยไม่ได้สักรายเดียว
 
                    นับว่าเป็นโชคทองของคุณพ่อที่รู้จักนับถือกับเจ้าเมืองสงขลามาก่อน จึงได้รับความอนุเคราะห์จากท่านข้าหลวง สั่งให้ศึกษาธิการจังหวัด ให้อำนวยความสะดวกในการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นได้
 
                    2.  คุณพ่อมีลูกสาวอยู่ 5 คน และลูกชายยังเล็กอีก 2 คน การจะทำมาหากินอย่างอื่นคงจะไม่เหมาะสม เพราะคุณพ่อเป็นคนเจ้าระเบียบ รักขนบธรรมเนียมประเพณีไทย อยากที่จะทำงานเกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนกุลบุตรธิดา และการศึกษาให้อยู่ในกรอบที่ดีของสังคมต่อไป ด้วยเหตุผล ดังกล่าว จึงตั้งชื่อโรงเรียนว่า "โรงเรียนหาดใหญ่วิทยา"
 
                    โดยมีคุณพ่อ(รองอำมาตย์ตรีดัด  ดิษยะศริน) เป็นผู้จัดการ พี่ชายคนโตชื่อประดิษฐ์ เป็นครูใหญ่ พี่สาวชื่ออาจารย์รสสุคนธ์ เป็นครูสอน ประจำชั้น นอกนั้นก็มีครูสอนอีก 7-8 คน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นประถม 1-4 และมัธยม 1-3 (มัธยมต้น) ในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนอนุบาล"
   
 
เมื่อพิจารณาจากบริบทแวดล้อมและหลักฐานข้อความที่ปรากฏ แสดงให้เห็นว่าในสภาพการณ์ที่คนทั่วไปแลเห็นว่าเมืองหาดใหญ่ยังมีความทุรกันดาร
แบบท้องถิ่นชนบทอย่างมากโขอยู่นั้น ผู้นำครอบครัว   ดิษยะศรินกลับมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล เล็งเห็นช่องทางทำกินโดยอาศัยฐานข้อมูลเป็นปัจจัยชี้นำ เพื่อวาง รากฐานการสร้างธุรกิจ ให้แก่ครอบครัว และเป็นมรดกสืบทอดสู่บุตรหลานในอนาคต เมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันจึงได้ดำเนินการตามที่ได้วางแผนไว้ สิ่งที่เป็นเครื่อง ยืนยันว่าครอบครัว "ดิษยะศริน" ได้ตัดสินใจถูกต้องในการเลือกลงหลักปักฐานที่เมืองหาดใหญ่ ก็ปรากฏผลในอีก 1 ปีต่อมา
 
เมื่อรองอำมาตย์ตรีดัด และคุณทวดเชย  ดิษยะศริน สามารถเปิดโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาได้เป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ.2478 นับได้ว่าครอบครัว
"ดิษยะศริน" ได้เริ่มลงหลักปักฐานอย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังมีส่วนส่งผลให้ พล.อ.อ.ประหยัด  ดิษยะศริน ในวัยเยาว์พร้อมทั้งพี่ชายและพี่สาวได้มีที่เรียนหนังสือ โดยการเป็นนักเรียน และศึกษา อยู่ในโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาที่คุณพ่อและคุณแม่ของท่านได้เปิดขึ้นมานั้นด้วย
 
ส่วนท่านอาจารย์ประดิษฐ์  ดิษยะศริน นั้น หลังจากที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาก่อตั้งขึ้นจนเป็นผลสำเร็จ ท่านก็ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งครูใหญ่
ด้วยวัยเพียง 20 ปี (ปัจจุบันที่ตั้งของโรงเรียนหาดใหญ่วิทยา ได้เปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลของนายแพทย์บุญจองตั้งอยู่ที่ ถนนดวงจันทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา)