|
|
|
|
|
|
|
|
|
กว่าจะถึงวันนี้ เกิดมาชีวิตต้องสู้ |
|
|
|
|
|
|
|
จำได้ว่าตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อยอายุเพียง 7 ขวบ ไปโรงเรียนเทศบาล 2 เรียนชั้นป.เตรียมในสมัยนั้น ก็มีลูกอมไปขายที่โรงเรียนในตอนเช้ากับ |
|
|
เพื่อนรุ่นพี่ ชื่อ ตุ๊กตา ลูกปลัดทิน เขาขายท๊อฟฟี่ ตอนพักเที่ยงก็ขายอีก ขายของหมดก็ได้เล่นกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ สมัยก่อนตอนเด็ก ๆ ก็เล่นตี่ เล่นกระโดด ยาง เล่นหมากเก็บ |
|
|
|
พอตกเย็นโรงเรียนเลิก ก็ขายของหน้าบ้านตามฤดูกาล เช่น คั่วลูกกอขาย ย่างข้าวโพด บางวันแม่ก็ต้มข้าวโพดให้ไปขายแถวหาดใหญ่ใน |
|
|
หลังอำเภอ และหลังบ้านพักนายอำเภอวันขายได้หลายสิบบาท แล้วแม่ก็แบ่งให้ไว้ทานขนมวันละ 2 3 บาท ก็ดีใจ |
|
|
|
พอขึ้นป.3 ก็ย้ายไปอยู่โรงเรียนวัดโคกสมานคุณ เพราะพ่อเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนสมานคุณวิทยาทาน ซึ่งย้ายครู นักเรียนจากโรงเรียน |
|
|
หาดใหญ่วิทยา มาถวายให้วัดโคกสมานคุณ คือ โรงเรียนสมานคุณวิทยาทานในปัจจุบัน วันอาทิตย์อายุประมาณ 10 ขวบไปขายข้าวสารในตลาดนัด วันอาทิตย์ เที่ยงแม่ก็ไปพลัดให้ทานข้าว วันหยุดแม่ก็พาลูกหยีกวนใส่หม้อให้หิ้วเดินไปส่งที่คุณป้าธัญญะ ซึ่งเปิดร้านขายกาแฟที่โรงแรมคุณอารสสุคนธ์ |
|
|
ซึ่งดัดแปลงจากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาเป็นโรงแรม |
|
|
|
ปกติพ่อ แม่เป็นคนที่มีฐานะไม่ลำบาก ฐานะปานกลาง แต่ทั้งสองท่านเป็นคนขยันทำมาหากิน วันหยุดบางวันก็ไปเล่นน้ำคลองที่หาดใหญ่ |
|
|
กับลูกของคุณลุงขุนจำนงค์ คุณป้าฮั้ว กิระวานิช หาดทรายกว้างใหญ่ น้ำใสแจ๋วเห็นตัวปลา พี่ ๆ ผู้ชายเขาแหย่กันว่าระวังนะ ประเดี๋ยวปลาปักเป้าจะกิน เอานะ ทุกคนก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
|
|
|
|
ในปี พ.ศ.2484 สงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ได้เพียง 4 ขวบ ญี่ปุ่นวางระเบิดที่สงขลา ยายเล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นยายพาไปรักษาที่ |
|
|
โรงพยาบาลสงขลาก็อพยพหนีภัยลงทางเรือ ลำบากมาก ได้กินข้าวกับเกลือ จะหนีไปขึ้นที่ไหนก็จำไม่ได้ หรือยายไม่ได้บอกก็ไม่ทราบ |
|
|
|
อีกครั้งชีวิตที่ต้องหนีภัยน่ากลัวมาก ในปี พ.ศ. 2488 อายุเพียง 7 ขวบ สงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเต็มเมืองหาดใหญ่ สงขลา และ |
|
|
กำลังจะเลิกสงคราม เขาจะมีสัญญาณเตือนภัยเป็นหวอ ให้หลบภัยเดี๋ยวก็หวอ เดี๋ยวก็หวอ วิ่งหนีกันชุลมุนลงหลุมหลบภัยที่บ้าน ดร.ปกิต กิระวานิช |
|
|
เพราะเป็นหลุมหลบภัยถาวรที่ก่ออิฐ ลาดปูนเรียบร้อย ที่บ้านมีแต่หลุมดิน |
|
|
|
บางครั้งครอบครัว ดร.ปกิต กิระวานิช คุณพ่อเป็นปลัดอำเภอมีพวกมาก ก็หนีอพยพไปอาศัยพวกอยู่แถวคลองต่ำบ้าง แถวบางกล่ำบ้าง |
|
|
เราก็ได้อาศัยครอบครัวลุง ป้าไป จำได้ว่ามีคลองได้เล่นน้ำกันทุกวัน |
|
|
|
เมื่อเรียนสำเร็จวิทยาลัยครูสมเด็จเจ้าพระยาแล้ว พ่อก็ให้มาเป็นครูใหญ่ ในปี พ.ศ. 2504 ซึ่งพ่อได้ซื้อกิจการโรงเรียนมาได้เพียง 6 ปี |
|
|
(คือซื้อกิจการ พ.ศ. 2498) จึงได้ขยายชั้นมัธยมศึกษาในปี พ.ศ. 2504 นี้เอง |
|
|
|
เกิดมาชีวิตนี้ต้องสู้ โชคร้ายบังเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในปีพ.ศ. 2514 อายุได้เพียง 33 ปี (จำได้แม่นไม่ลืม) เกิดเหตุร้ายเหมือนฟ้าผ่า |
|
|
พ่อ ลูก แทบพาโรงเรียนไม่รอด เกิดวิกฤตเศรษฐกิจด้านการเงิน ป้าเจียมจิตต์หาดใหญ่ในบอกว่า สงสารณีต อายุเพียงเท่านี้ต้องมารับศึกหนัก โดยแม่ ได้สร้างขึ้น โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คุณป้าเชียงใหม่ก็เข้ามาให้กำลังใจ ดูแลเป็นเพื่อนพ่อ ปกติแม่เป็นคนขยันทำมาหากิน เป็นคนใจดี มีเมตตา หลาน ๆ |
|
|
จะรักทุกคน ชอบทำบุญ และที่ได้มีโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์เพราะแม่ได้ขอร้องคุณย่าให้คุณอารสสุคนธ์ สัตย์สงวน ขายโรงเรียนให้ ในปีพ.ศ.2498 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียน หาดใหญ่อำนวยวิทย์ โดยรับหนี้แทนจากธนาคารมณฑล (ธนาคารกรุงไทยปัจจุบัน) โดยการจ่ายเงินสดเพียง 40,000 บาท รับหนี้แทนประมาณ 300,000 บาทเศษ (สามแสนบาทเศษ) ชีวิตต้องประคับประคอง ต้องอดทน อดกลั้นมาโดยตลอดชีวิต ด้วยอุปสรรคนานับประการ รอบด้าน |
|
|
|
ท่านที่ได้กู้โรงเรียนให้เป็นท่านแรก คือ พล.อ.อ.ประหยัด ดิษยะศริน และคุณหญิงวิจิตรา ดิษยะศริน เหมือนพระมาโปรด
ต่อมาคือ
|
|
|
คุณปู่ไพรัช คุณย่าพิศ สัตยารักษ์ และ ดร.ปรัชญาทวี ตะเวทิกุล ก็ใช้เวลาอยู่หลายปี กว่าจะพ้นอุปสรรคไปได้ |
|
|
|
ประมาณปี 2516 โชคชะตาเป็นสิ่งอัศจรรย์ ช่วงที่เป็นครูใหญ่อยู่ในโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ พ่อหลวงฮกแห่งวัดโคกทราย ได้ดูดวง |
|
|
ให้ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะได้ตั้งตัว คิดในใจว่าเป็นไปได้ยังไงในเมื่อกินเงินเดือนอยู่เพียงเดือนละ 750 บาทได้ซื้อที่ดิน 1 แปลง 4 ไร่เศษ 300,000 บาทเศษ ของลุงผ่อง จันทรคาม ควนลัง ได้ตัดห้องขาย ห้องละ 6,000 บาท เงินผ่อน แล้วเอาเงินนี้ไปผ่อนให้กับเจ้าของที่ดินอีกที อาจารย์พยอม |
|
|
สารานนท์ ก็ช่วยขายให้ด้วย เมื่อขายเกือบหมด ก็ไปจับที่ดินแปลงใหม่ที่คลองหวะ แปลงนี้ขายหมดทันทีในไม่ช้า |
|
|
|
ในปีพ.ศ.2517 ได้เจอ ผอ.วิทยา ไทยวุฒิพงค์ (ผอ. กองโรงเรียนเอกชนในสมัยนั้น) แนะให้เปิดโรงเรียนอาชีวะ ท่านบอกว่าโรงเรียน |
|
|
อาชีวะตั้งในโรงรียนสามัญได้ ก็อาศัยโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ ขอเป็นภาคบ่ายในปีพ.ศ.2518 ชื่อว่าโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์พณิชยการ ปีแรก |
|
|
มีนักเรียน 32 คน ก็ได้เงินจากกำไรที่ขายที่ดิน ซื้อพิมพ์ดีดกระเป๋าหิ้ว 32 เครื่อง พอเด็กจบรุ่นแรกมี 3 ห้อง ได้ทำงานหมด เพราะเน้นวิชาการ |
|
|
คุณภาพและวินัย ผู้ปกครองก็พอใจ นักเรียนก็เพิ่มทุกปี ถึงปีพ.ศ. 2523 พ่อไพรัช แม่พิศ สัตยารักษ์ ได้มอบที่ดินให้จำนวน 4 ไร่ 3 งาน ที่หาดใหญ่ใน |
|
|
จึงได้สร้างอาคารหลังแรก อาคารประไพ-พิศ ราคา 1,500,000 บาท โดยได้เก็บสะสมเงินสดไว้ได้ 500,000 บาท โดยแบ่งที่ดินที่สร้างโรงเรียนกู้ |
|
|
ธนาคารออมสิน เงินที่ขาดอีก 500,000 บาท ระหว่างก่อสร้างปีเศษก็ได้รายได้เพิ่มเติม ก็ไม่เดือดร้อนในเรื่องการเงิน เงินทุกบาททุกสตางค์ในการ ก่อสร้างโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์พณิชยการ โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์บริหารธุรกิจ และวิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ก็ด้วยเงินของตัวเองทั้งสิ้น |
|
|
|
ถึงปี พ.ศ. 2527 ก็ได้ขยายเปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ก็โดยการแนะนำของ ท่านพิทยา ไทยวุฒิพงศ์ เหมือนเช่นเคย |
|
|
เมื่อดำเนินกิจการได้ระยะหนึ่ง นักเรียนก็หนาแน่นรวมกัน 2,200 คนเศษ จึงได้ย้ายโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์บริหารธุรกิจไปอยู่ที่ถนนพลพิชัยในปีพ.ศ. 2538 ช่วงที่ได้เป็นบริหารธุรกิจ บนพื้นที่ 5 ไร่เศษ ก็อยากได้ 2 ฝั่งคลอง ก็ไปขอซื้อฝั่งตรงกันข้าม พื้นที่ตั้งรวมประมาณ 38 ไร่ |
|
|
|
และในปี พ.ศ. 2538 นี้เอง ได้เปิดวิทยาลัยโดยไม่เคยได้คิด ได้ฝันมาก่อนในชาตินี้ ก็โดยบังเอิญอีก ในการแข่งขันกีฬาสี โรงเรียนในเครือ |
|
|
หาดใหญ่อำนวยวิทย์ ก็จะมีพิธีเปิดในเรื่องวัฒนธรรมไทย ได้เชิญ ดร.รุ่ง แก้วแดง เป็นประธานเปิดกีฬาสี เพราะท่านเป็นเลขา สวช. ในสมัยนั้น |
|
|
ในระหว่างเดินทางไปส่งท่านที่สนามบินนั้น ดร. รุ่งได้กล่าวขึ้นว่า โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์พณิชยการและบริหารธุรกิจเป็นปึกแผ่นแล้ว ก็น่าจะเปิด อุดมศึกษา เพื่อช่วยนักศึกษา - ผู้ปกครองชาวใต้ จึงได้ปรึกษากับลูก ๆ และเข้าไปในทบวงทันที ก็ได้ไปพบ ผอ. ฉันทวิทย์ สุชาตานนท์ผู้อำนวยการ |
|
|
อุดมศึกษาเอกชน ก็ได้รับคำแนะนำอย่างดี ระหว่างนั้นก็เตรียมหาที่ดิน ไปขอซื้อของนายยิ่ง แปลงแรกประมาณ 8 ไร่ รวบรวมที่ได้ประมาณ 30 ไร่ |
|
|
เจ้าของที่ดินที่มีเมตตา ใจดี ไม่เซ้าซี้ จู้จี้ เพนสะท่านบอกว่าครูไปทำการศึกษา คือตาไข่ ศิริบุญ ขณะนี้อายุ 97 ปีี ได้สร้างอาคารหลังแรก |
|
|
ชื่อ อาคารสงขลา ที่ดินเป็นที่นา และเป็นพรุหนองน้ำบ้าง ก็ต้องบุกไป........กัน ปรับถมที่ดิน กลับบ้านแต่ละวันก็โดนขูดขีด มีหญ้าเจ้าชู้เต็มกระโปรง อาจารย์โอม ลูกชาย ได้ทำโครงการอยู่ 2 ปี จึงได้รับอนุญาตในปี พ.ศ. 2540 ในชื่อ วิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ ในปีแรกมีนักศึกษา 180 คน ในคณะบริหารธุรกิจ และได้ขยาย คณะต่าง ๆ ในเวลาต่อมา และมีปริญญาโท และได้เปลี่ยนสถานะเป็น มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ พ.ศ. 2546 มหาวิทยาลัยดำเนินกิจการในพันธกิจ 4 ด้าน คือ มหาวิทยาลัยได้ส่งเสริม ทั้งด้านวิชาการ และกิจกรรมด้านต่าง ๆ โดยส่งเข้าแข่งขันระดับประเทศได้ รางวัลมากมาย ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีนักศึกษา 5,000 คนเศษ อาจารย์เจ้าหน้าที่ 400 คน มีอาคาร 8 อาคาร บนพื้นที่ 120 ไร่ |
|
|
|
สิ่งที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งอีกประการ คือ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ให้การยกย่อง คนกล้า คนเก่ง คนดี คนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ |
|
|
บ้านเมือง โดยมอบเข็ม "มะหาดเพชร" "มอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์" ดิฉันตั้งปณิธานไว้แน่วแน่ว่า เราจะพัฒนามหาวิทยาลัยของเราให้เติบโต แข็งแกร่ง ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเป็นประโยชน์และความภูมิใจของคนชาวใต้ และประเทศชาติ |
|
|
|
กว่าจะถึงวันนี้ที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหกรอบ ได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองหาดใหญ่ ได้ทราบถึงความเจริญก้าวหน้าของลูกศิษย์ |
|
|
รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาใต้พระบรมโพธิสมภารของรัชกาลปัจจุบัน และได้มาเป็นชาวใต้ที่ได้พยายามให้แต่ละวันเวลาที่ผ่านไปล้วนมีคุณค่า ขอให้่ คนรุ่นหลังได้ยึดมั่นศาสนา คุณธรรมประจำใจ แม้ว่าสังคมโลก สังคมเมืองจะเปลี่ยนหมุนไปอย่างรวดเร็ว และหวังใจ บ้างว่าชีวิตของดิฉันจะให้ข้อคิดเป็น แบบอย่างว่า มนุษย์เราเมื่อเกิดมาแล้วล้วนมีค่า เพียงแต่เราจะสร้างสรรค์อย่างไรให้เพิ่มคุณค่านั้น ระหว่างการเดินทางของชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ อันเป็น สัจธรรม เราทุกคนจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคด้วยสติ อดทน ต่อสู้ไปสู่ประตูแห่งความสำเร็จ และภูมิใจว่าชีวิตหนึ่งนี้ก็สามารถที่จะหยิบยื่นให้อีกหลาย ๆ ชีวิตให้กับสังคม ให้กับบ้านเมือง ให้กับพระพุทธศาสนา โดยไม่ต้องรอเวลา หากแต่จะบังเกิดความสุขในใจของท่านตลอดไปอย่างแน่นอน |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
10 มีนาคม 2553 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|