|
|
|
|
|
ในปี พ.ศ.2538 ได้มีเหตุการณ์ซึ่งเปรียบเสมือนกับเป็นการจุดประกายให้กับครอบครัวดิษยะศริน ชนิดที่กล่าวได้ว่า ไม่เคยคิดฝันมาก่อน ดังที่ |
ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญไว้ ดังนี้ |
|
|
|
"ระหว่างการสนทนากันในรถยนต์ ในขณะที่ไปส่งท่าน ดร.รุ่ง แก้วแดง ตำแหน่งของท่านในขณะนั้น คือ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งท่านได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาสีของโรงเรียนในเครือหาดใหญ่อำนวยวิทย์ และตอนหนึ่งของการสนทนา ท่าน ดร.รุ่ง แก้วแดง ได้ปรารภ ขึ้นมาว่า "สถานศึกษาในเครือหาดใหญ่อำนวยวิทย์ มีศักยภาพเพียงพอที่จะยกระดับการศึกษาในภูมิภาคนี้ ด้วยการขยายโอกาสให้กับเยาวชน โดยการเปิดหลักสูตร การเรียนการสอนในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันสมควรแล้วที่อาจารย์ประณีต ควรจะได้ขยายไปถึงระดับอุดมศึกษา เพื่อได้ช่วยเหลือผู้ปกครองและนักศึกษา เพราะจะได้อยู่ใกล้บ้านและประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งโรงเรียนในเครือหาดใหญ่อำนวยวิทย์ ก็มีความเป็นปึกแผ่นอยู่แล้ว" |
|
|
|
หลังจากที่ได้รับคำแนะนำดังกล่าวแล้ว ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ก็นำความกลับมาเล่าให้ลูกๆ ฟัง ซึ่งลูกทุกคนก็เห็นด้วย และลูก ๆ ก็ยังได้บอกอีก |
ว่า "หากเราจะทำก็ทำได้ทันที" |
|
จากประกายความคิดแค่เพียงเล็กๆ จึงค่อยๆผุดพรายเป็นโครงร่างที่แจ่มชัดขึ้น เมื่อทุกคนเริ่มระดมสมอง และร่วมกันวางแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการ |
จัดตั้งมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของภาคใต้โดยไม่รอช้า |
|
สองสามวันต่อมา ท่านอาจารย์ประณีต ก็ได้เดินทางไปยังทบวงมหาวิทยาลัย พร้อมกับบุตรสาว คือ ดร.ภัคชนิตร สัตยารักษ์ และถือเป็นโชคดี |
ที่ผู้อำนวยการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในสมัยนั้น คือ ดร.ฉันทวิทย์ สุชาตานนท์ ได้ให้คำแนะนำ สนับสนุนและช่วยเหลือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ดร.วิทวัส ดิษยะศริน สัตยารักษ์ บุตรชายคนโตก็ได้เป็นกำลังสำคัญในการศึกษาค้นคว้าและร่างโครงการจัดตั้งวิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 2 ปีเศษจึงแล้วเสร็จ ในการนี้ได้รับ คำแนะนำเป็นอย่างดี ในเรื่องการวิเคราะห์งบประมาณการเงิน จาก ผศ.ดร ชัยนรินทร์ วีระสถาวณิชย์ โดยมีผู้จัดทำหลักสูตรตั้งแต่เริ่มต้น คือ รศ.พสุ สัตถาภรณ์ รองอธิการบดีอาวุโส และมี คุณบรรจบ แสงจันทร์ ดูแลในด้านการก่อสร้าง จนในที่สุดก็ได้รับอนุญาตจัดตั้ง "วิทยาลัยเมืองหาดใหญ่" หรือ "Hatyai City Collage" อักษรย่อ "HCC"ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2540 โดยนายมนตรี ด่านไพบูลย์ รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย เป็นผู้ลงนาม และมีท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน เป็นผู้รับใบอนุญาต |
|
ถือเป็นจุดกำเนิดของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งแรกในภาคใต้ตอนล่าง และนับเป็นความภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่งของโรงเรียนในเครือหาดใหญ่อำนวยวิทย์ |
ที่ได้สร้างสถานศึกษา นามว่า "วิทยาลัยเมืองหาดใหญ่" |
|
เมื่อได้เปิดการเรียนการสอน ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน และอาจารย์วิจิตร จันทรากุล อธิการบดีในสมัยนั้น ก็ได้จัดปฐมนิเทศโดยการให้โอวาท |
รวมถึงกล่าวต้อนรับนักศึกษาในรุ่นแรกด้วยความรักและความห่วงใย เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2540 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นอันสำคัญอีกก้าวหนึ่งของวิทยาลัยเมือง หาดใหญ่ ที่ยังคงจารึกอยู่ในความทรงจำของผู้ที่เกี่ยวข้องตลอดมา |
|
และเนื่องในโอกาสอันสำคัญนั้น อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีรัตนโกสินทร์ และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ประจำปี พ.ศ.2536 |
ได้เขียนบทกลอนกล่าวถึงวิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ว่า |
|
|
"วิทยาลัยเมืองหาดใหญ่
วิทยาลัย ผู้รู้ ผู้สร้างสรรค์
รู้คิด รู้ทำ สำเร็จพลัน
ปลูกปั้น ปัญญา สง่างาม"
อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
|
|
|
|
หลังจากนั้นคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย จึงได้จัดให้มีพิธีเปิดวิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ขึ้น ในปี พ.ศ.2541 โดยมีสารจาก ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย |
นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีอย่างเป็นทางการ |
|
กว่าที่จะดำเนินการมาถึงขั้นนี้ได้นั้น ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน และลูกๆ ต้องฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ |
การเขียนโครงการจัดตั้งวิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ หรือเรื่องของการหาพื้นที่เพื่อจัดตั้งวิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องการหาพื้นที่ที่จะจัดตั้งวิทยาลัยในสมัยนั้น ท่านอาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ได้เล่าถึงสภาพทำเลและการริเริ่มบุกเบิก ในช่วงที่กำลังขออนุญาตจัดตั้งวิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ไว้ ดังนี้ |
|
|
|
"พื้นที่ที่จะจัดตั้งวิทยาลัยเมืองหาดใหญ่ในขณะนั้น มีสภาพเป็นท้องทุ่งนา ไม่มีต้นข้าว ปกคลุมด้วยป่าละเมาะตั้งอยู่ในหมู่บ้านคลองหวะ จึงได้พัฒนาที่ดินเรื่อยมา จนกระทั่งได้สร้างอาคารหลังแรกขึ้น ในปี พ.ศ.2538 ชื่อว่าอาคาร "สงขลา" บนพื้นที่ 30 ไร่ ในคณะบริหารธุรกิจ มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เพียง 180 คน ซึ่งขณะนั้นมีการเปิดการเรียนการสอน 3 สาขาวิชา คือ สาขาการบัญชี สาขาการตลาด สาขาการจัดการ ต่อมาเมื่อมีนักศึกษาเพิ่มขึ้นตามลำดับ จึงได้เพิ่มคณะต่างๆ เช่น คณะศิลปศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย ในปี พ.ศ.2544" |
|
|
|
|
|
|