คำกล่าวสุนทรพจน์ของผู้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

พิธีประสาทปริญญาบัตร รุ่นที่ ๒๑ - ๒๓ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๒ - ๒๕๖๔
ณ อาคารศูนย์กีฬาและกิจการนักศึกษา

ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา

ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ประเภททั่วไป ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๔

          ผมขออนุญาตกราบเรียนท่านนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยทุกท่าน เรียนอธิการบดี คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สถานที่ที่ทรงเกียรติแห่งนี้ ผมเชื่อมั่นว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของบัณฑิตทุกคน เป็นวันแห่งความทรงจำและเป็นวันที่น่าจดจำครั้งสำคัญในชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกกับพวกเราว่า วันนี้คงไม่ใช่เป็นแค่วันจบการศึกษารับปริญญาบัตร แต่วันนี้จะเป็นวันที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตบัณฑิตทุกคนได้ โดยเริ่มต้นจากวันนี้เป็นต้นไป ผมเองมายืนตรงจุดนี้ได้ ขออนุญาตเรียนด้วยความภาคภูมิใจ กราบขอบพระคุณมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ที่ทรงเกียรติเป็นอย่างสูง ผมเองคือผลผลิตหนึ่งของการที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการศึกษาคือการเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์ผู้คนได้ ผมเริ่มต้นชีวิตจากการเป็นคนที่อยู่ในจุดที่ต่ำสุดของสังคม จึงเรียนว่าจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ ได้รับการศึกษาที่ดี และถือว่าเป็นโอกาสที่ดีด้วย วันที่เป็นจุดเปลี่ยนของผมคือเข้าศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากคนที่เคยอยู่ที่สลัมคลองเตย ผมก็ได้เรียนหนังสือกับท่านนายกสภา ตอนนั้นท่านเป็นคณบดี เรียนหนังสือและก็รับทุนมาด้วย สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกกับบัณฑิตทุกท่านว่า ชีวิตในอนาคตของโลกของการทำงาน ในช่วงเวลานี้ เป็นความท้าทายที่สุดจริง ๆ เราอยู่ในโลกที่ไม่แน่นอน ภาษาการจัดการบริหารธุรกิจจะพูดกันว่า VUCA World (Volatility Uncertainty Complexity Ambiguity) ที่มันกำกวมไม่แน่นอน สิ่งหนึ่งที่บัณฑิตทุกคนที่จะเข้าสู่โลกการทำงานที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ในช่วงของการดำเนินธุรกิจในเรื่องของโลกของการทำงานคือ ท่านต้องพัฒนาความรู้ความสามารถตัวเองตลอดเวลา จุดเริ่มต้นวันนี้ การจบการศึกษานั้นหมายถึงว่า เป็นแค่จุดสตาร์ทของการวิ่งมาราธอน ท่านต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตจริง ๆ และที่สำคัญที่จะทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้ ความเก่งอย่างเดียว ความรู้ความสามารถของมนุษย์อย่างเดียว ไม่พอ ความมุ่งมั่นเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่เหนือกว่าความรู้ความสามารถ เหนือกว่าความมุ่งมั่นคือวิธีคิด วิธีคิดคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ บัณฑิตทุกคนของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ที่ทรงเกียรติแห่งนี้ ผมเชื่อมั่นว่าสังคมนี้ต้องการคนที่มีวิธีคิดที่เป็นบัณฑิตที่ไม่ใช่แค่บัณฑิตอย่างเดียว แต่บัณฑิตที่มีความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ผมนึกถึงภาษาบาลีบทหนึ่ง เขาใช้คำว่าความเป็นมนุษย์ วิชาจรณสัมปันโน ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกของความเป็นมนุษย์คือ ผู้มีวิชา ผู้มีความรู้ ผมเชื่อมั่นว่าทุกท่านมีความรู้เต็มเปี่ยม แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ทุกท่านเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์คือ จรณสัมปันโน หมายถึงการยังประโยชน์ให้ผู้อื่น หลังจากวันนี้เป็นต้นไป การเดินออกจากสถานที่อันทรงเกียรติแห่งนี้ สังคมที่อยู่ข้างนอก ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม คาดหวังการยังประโยชน์จากผู้อื่นในตัวบัณฑิตทุกท่าน คนที่อยู่นอกห้องนี้ คนที่อยู่ในสังคมนี้คาดหวังว่าบัณฑิตของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ไม่ใช่แค่บัณฑิตธรรมดา เป็นบัณฑิตที่มีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ เป็นบัณฑิตที่มีความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม เมื่อไรก็ตามแต่เราเป็นผู้นำและผู้นำอยู่ในตัวพวกเราทุกคน เราพร้อมจะก้าวข้ามธรณีประตูก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเราเองได้ตลอดเวลา อะไรคือข้อจำกัดของตัวเราเอง นี่คือสิ่งที่ท่านต้องทบทวน กลับไปสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 พูดถึงกำลังพลสมรรถนะสูงซึ่งอยู่ในตัวพวกท่านทุกคน พวกท่านคือความหวังของประเทศไทย ท่านคือความหวังของสังคม เราอยากเห็นบัณฑิตทุกคนของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เป็นทั้งคนดี คนเก่ง และคนที่มีความสุข แต่ทั้งหมดมันไม่ใช่เพื่อตัวเอง ความดี ความเก่ง ความสุข เพื่อประโยชน์แค่ตัวเองไม่พอ ขอให้ไปสร้างความดีต่อคนรอบข้าง ขอให้ไปสร้างให้คนรอบข้างมีความเก่งมากขึ้น ขอให้ทำให้คนรอบข้างมีความสุขมากขึ้น นี่คือสิ่งที่บัณฑิตของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ทุกคนต้องทำเพื่อสังคมนี้ ในนามของผมที่ได้รับโอกาสครั้งสำคัญมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ขออนุญาตกราบขอบพระคุณท่านนายก กรรมการสภา ท่านอธิการบดี ท่านผู้บริหารของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่อีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่ผมได้พูดทั้งหมด ผมเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะสร้างความสำเร็จให้ประเทศนี้ คาดหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจไม่มากก็น้อย ในการที่ท่านจะใช้ความรู้สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติของเรา ขอบคุณครับ

  

ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา    
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๕

  

Back