•  
  •  
  •  
 
   
ศรินรักษ์  ดิษยะศริน
   
" ถ้าพูดถึงคุณแม่ประณีต ดิษยะศริน ก็จะนึกถึงการเป็นต้นแบบตัวอย่างที่ดี
การเป็นแม่พิมพ์ที่ดี แม่พิมพ์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นครูอย่างเดียว
แต่เป็นต้นแบบในทุกด้าน "
   
 
เมื่อฉันคิดเรื่องราวของแม่ คร่าว ๆ ไว้ในใจก่อนจะเริ่มลงมือเขียน ฉันนึกถึงคุณสมบัติของแม่ฉัน โอ...พระเจ้า! ใครเขาจะว่าฉันสรรเสริญเยินยอแม่ตัว
เองเกินไปหรือเปล่า แต่ฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะแม่ของฉันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ท่านเป็นคนฉลาด เก่ง อดทน มานะ พากเพียร คุณสมบัติเหล่านี้ของแม่ ทำให้ฉันภูมิใจ ในตัวแม่นั้นเหลือเกิน แต่สิ่งที่ฉันภูมิใจมากที่สุด ก็คือ แม่เป็นคนดี
 
แม่มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แม่จะนึกถึงคนอื่น ๆ ทั้งที่อยู่ใกล้และไกล ก่อนจะนึกถึงตัวเองเสมอ แม่จะช่วยเหลือใครต่อใครตลอดเวลาทั้งที่
เข้ามาขอความช่วยเหลือ และที่แม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเอง อาจกล่าวได้ว่าแม่ได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือแทบจะทุกวัน ในชีวิตของแม่ ที่ ฉันเห็นมาโดยตลอดตั้งแต่ฉันเล็กๆ จนเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แม่ก็จะมีใจเมตตาช่วยเหลือทุกคนไป และก็แน่นอนสิ่งที่แม่ช่วยก็จะต้องเป็นไปใน เรื่องที่ถูกต้องและเป็นไปตามครรลองคลองธรรมเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องถูกต้องตรงไปตรงมา
 
ดังที่ฉันได้กล่าวในข้างต้นว่าแม่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แม่จะนึกถึงทุกคน ทุกท่านทั้งที่เป็นญาติ และไม่ใช่ญาติ ทั้งใกล้และไกลอยู่ตลอดเวลาโดย
เฉพาะผู้มีพระคุณและผู้ที่สนิทชิดชอบกัน แม่จะทราบ และจำได้หมดอย่างแม่นยำว่า ท่านเหล่านั้น (ซึ่งมีจำนวนหลายท่านมากๆ) ชอบทานอะไร หรือชอบอะไร แม่ก็จะหามา และจัดส่งไปให้ตลอดเวลาและต่อเนื่อง ไม่จำเป็นว่าจะเป็น วันสำคัญหรือเทศกาล หรือไม่แต่อย่างใด ใกล้หรือไกล นับตั้งแต่ให้แม่บ้านเดินเอาไปให้ ไกลออกไปหน่อย ก็ให้เด็กขี่มอเตอร์ไซด์นำไปให้มากกว่านั้นก็คนขับรถเอาไปส่ง ตลอดไปจนถึง ส่ง Taxi ข้ามจังหวัด ส่งทางรถไฟ ทางไปรษณีย์ และแม้กระทั่ง E.M.S. บ่อย ๆ
 
นอกเหนือจากนี้ แม่ก็จะทำหมดไม่ว่าจะทำทาน หรือทำบุญ หรืองานการกุศล และทั้งหมดนี้ก็เป็นการกระทำที่บริสุทธิ์ที่สุด ก็คือ แม่ทำแบบไม่
เคยหวังผลตอบแทน แม่จะปฏิบัติตนเช่นนี้เรื่อยมาตั้งแต่ฉันจำความได้แม่ก็ทำทาน ทำบุญมาตลอด ซึ่งตอนนั้น แม่ก็ไม่ได้มีฐานะดีอะไร แต่แม่ก็ไม่เคยที่จะรอให้มีเงิน ก่อนที่จะทำ ซึ่งฉันเห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะคนเราหากมัวแต่คิดว่าให้รวยก่อนแล้วค่อยทำบุญหรือทำทาน หรือต้องรอให้พร้อมก่อน ก็คงจะไม่ถึงวันที่พร้อมนั้นสักที สิ่งเหล่านี้ควรจะทำอยู่เสมอไม่ว่าจะมีฐานะอย่างไร เพียงแต่การทำบุญหรือทำทานนั้นไม่เบียดเบียนตนเองก็เป็นพอแล้ว
 
ความดีอีกอย่างหนึ่งที่ฉันอยากจะกล่าวถึงก็คือ การรักษาศีล 5 ของแม่นั้น แม่ทำไปด้วยความบริสุทธิ์จริง ๆ ฉันพูดได้เต็มปากและอย่างหมดหัวใจว่า
ตลอดชีวิตของฉันที่ฉันเห็นแม่มา แม่ได้รักษาศีล 5 อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องจริง ๆ พระท่านว่า หากเราคิดดี ทำดี ไม่ทำความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่นอยู่เป็นนิจ ศีล 5 ของเราก็จะบริสุทธิ์เองโดยที่เราไม่ต้องพยายามรักษาศีลเลยด้วยซ้ำ
 
คุณธรรมความดีของแม่ที่ฉันได้กล่าวมานี้ ท่านผู้อ่านทั้งหลายที่รู้จักแม่ดี ก็คงจะเห็นและทราบอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของแม่แท้ ๆ ดังนั้น
บทความข้างต้นก็คงจะไม่ค่อย มีอรรถรสเท่าไร แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้คงจะได้รับอรรถรสบ้าง เพราะไม่ค่อยเป็นที่รับทราบกัน
 
แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนแม่ยังเล็ก ๆ แม่เดียดกระจาดข้าวโพดต้มไปขายที่หลังอำเภอและหลังบ้านพักนายอำเภอหาดใหญ่ใน เพื่อเพิ่มรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ
ให้กับครอบครัว และช่วยเหลืองานต่าง ๆ ในบ้านซึ่งฐานะของคุณตา คุณยายขณะนั้นก็ยังไม่มั่นคงเท่าไร กอปรกับคุณยายเป็น คนขยันมาก ไม่เคยอยู่นิ่งเฉย จึงทำ ขนมให้แม่ไปขายในตลาด เมื่อแม่โตขึ้น คุณตาก็ส่งแม่ไปเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ โดยให้เรียนครู คุณตาบอกแม่ว่า แม่เป็นลูกคนโตต้องเรียนทางนี้เพื่อที่จะกลับมา ช่วยทำโรงเรียนซึ่งเป็นกิจการของที่บ้าน เมื่อแม่จบประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง จากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จ คุณตาก็ให้แม่กลับมาช่วยงานที่โรงเรียน แม่จึง ไม่มีโอกาสได้เรียนจนจบปริญญาตรีดังที่แม่ได้ตั้งใจไว้ ซึ่งแม่ก็เข้าใจ เพราะเป็นความจำเป็นของครอบครัว เมื่อแม่เริ่มทำงานที่โรงเรียน คุณตาก็ให้แม่เป็นครูใหญ่ ซึ่งแม่ก็เป็นครูใหญ่ตั้งแต่บัดนั้น เป็นต้นมา
 
ถึงจะเป็นครูใหญ่ที่อายุน้อยมาก แต่ศักยภาพการทำงานของแม่ก็คงจะเกินอายุอยู่มากเพราะแม่พากเพียร พัฒนาโรงเรียนจนเจริญเติบโต และอย่างมี
คุณภาพ ดังที่เรา ๆ ท่าน ๆ เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ กล่าวโดยย่อก็คือ จาก 1 โรงเรียนเล็กๆ ก็เป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนเพิ่มมากขึ้น เพราะความเชื่อมั่นศรัทธาของ ผู้ปกครองทั้งในหาดใหญ่ และต่างจังหวัดใกล้เคียง ต่อมาได้ขยายการศึกษาในระดับอาชีวะอีก 1 โรงเรียนจากนั้นก็มี ระดับอุดมศึกษาอีก 1 โรงเรียน และอีก 1 มหาวิทยาลัยในที่สุด เริ่มต้นจากนักเรียนปวช. 1 เพียง 32 คน ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดกระเป๋าหิ้ว ได้ทุนจากการจัดสรรขายที่ดินห้อง อาศัยห้องเรียนของโรงเรียนสามัญ ก่อนช่วงหนึ่ง
 
การเติบโตทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียง Generation เดียวเท่านั้น คือ Generation ของแม่ เหตุที่เป็นเช่นนี้ได้นั้น ก็คงไม่พ้นความมานะ ขยัน อดทน
ความเก่ง ความฉลาด รวมถึงความดีของแม่อย่างแน่นอน
 
เริ่มจากที่แม่ทำงานโรงเรียนแรก ซึ่งแม่เป็นครูใหญ่ คุณตาเป็นเจ้าของโรงเรียน เงินเดือนแม่เพียงคนเดียวแต่ต้องเลี้ยงดูพวกเราทุกคน ไหนจะอาหาร
เสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน สาหัสสากรรจ์เรื่องของเล่นไม่ต้องพูดถึง พวกเราคิดประดิษฐ์หาอะไรเล่นกันเอง อิฐ หิน ดิน ทราย กระดาษ เศษไม้ ดอกไม้ ในโรงเรียนเป็น ของเล่นของเราหมด อะไรที่ซุกซน ไม่เข้าเรื่องพวกเราก็เล่นมาแล้วทั้งนั้น หลายอย่างเช่น เอาถุงพลาสติกใส่น้ำให้เต็มแล้วปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ (ยางอินเดีย) แล้วปา ลงมาให้โดนหรือเกือบ ๆ โดนผู้ปกครองที่มาติดต่อธุระที่โรงเรียน ซึ่งจะต้องเดินผ่านใต้ต้นไม้นั้น หรือปีนขึ้นไปวิ่งเล่นบนดาดฟ้าอาคาร 4 ชั้น ซึ่งไม่มีกันตก ให้คุณตา คุณยายได้เกือบหัวใจวายก็เคยมาแล้ว
 
เล่าเรื่องความลำบากของแม่อยู่ดี ๆ กลับกลายเป็นเรื่องที่ซุกซนของพวกเราไปได้ แม่เล่าว่าที่แม่ไม่รบกวนคุณตา คุณยายนั้น เป็นเพราะคุณตา
คุณยายต้องส่งให้น้าแอ๊ด (น้องสาวแม่) เรียนที่อเมริกาซึ่งต้องใช้สตางค์เยอะ แม่เป็นพี่คนโตแม่ก็ต้องเสียสละ แม่ทนลำบากโดยไม่ปริปากใด ๆ เลย แต่แม่กลับมอง หาช่อง ทางในการช่วยเหลือตัวเองโดยการหารายได้เพิ่มเติม เพื่อลูกๆ ของแม่จะได้สุขสบายขึ้น และได้มีโอกาสเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ได้ในเวลาต่อมา
 
แม่เริ่มต้นด้วยการซื้อขายที่ดิน ซื้อมา 1 แปลงตัดเป็นแปลงเล็ก ๆ ขาย การซื้อขายที่ดินก็ต้องมีการไปดูที่ดิน ฉันจำรสชาติของมันได้ดี เพราะแม่เคย
พาฉันไปด้วย ตอนที่แม่ไปดูที่ดินเพื่อจะซื้อหรือพาคนไปดูที่ดินเพื่อจะขาย ที่ฉันจำได้แม่นก็เพราะ มันช่างทรมานซะเหลือเกิน ไม่มีอะไรน่าสนุกเลย แดดร้อนเปรี้ยง ๆ ที่ หลบแดดก็ไม่มี แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันพอจะสนุกอยู่บ้างนิดหน่อยก็คือ ฉันได้เห็นต้นหม้อข้าว หม้อแกงลิง เป็นครั้งแรกเลยในชีวิต ฉันมองเข้าไปข้างในเห็นมดอยู่ในนั้น ฉันจำต้นไม้ต้นนั้นติดตามาจนเดี๋ยวนี้ และอีกครั้งก็คือต้นไมยราพที่แตะแล้วหุบ แตะแล้วหุบสนุกดี แต่ไม่ว่าจะเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงหรือไมยราพ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เท่าไร มันช่างร้อน แล้วก็นานซะเหลือเกินกว่าจะได้กลับบ้าน ตอนนั้นฉันก็ไม่บ่นเท่าไรหรอก สงสารแม่ซะมากกว่า ฉันเองไปเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เทียบไม่ได้เลยกับแม่ ที่ไปนับครั้งไม่ถ้วน เพราะแม่ซื้อมาขายไปอยู่หลายปี
 
ภาพการทำงานของแม่ที่ฉันจำได้ก็คือ นอกจากจะทำงานในโรงเรียน ซึ่งมีภารกิจมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว แม่ยังต้องออกไปติดต่อธุระข้างนอก
ไปนู่นมานี่ตลอดเวลา ไม่เคยเห็นแม่ได้พัก เย็นวันหนึ่งแม่ก็กลับมากับของอย่างหนึ่ง ซึ่งฉันและน้องๆ ดีใจตื่นเต้นกันมาก ฉันลงมารับแม่ที่ประตูเหล็ก แม่หอบของที่ห่อ กระดาษมา แค่เห็นก็ตื่นเต้น พอแกะออกมา โอ้โฮ! ดีใจมาก สุด ๆ เลย มันคือผ้านวม ผ้านวม 1 ผืน ผืนแรกของพวกเรา หรูจริง ๆ เลย พวกเรามีผ้านวม ด้านหนึ่งเป็น พื้นสีม่วง อีกด้านเป็นลายดอกไม้ คืนนั้นพวกเรานอนเรียงกันเป็นตับ ติดกันตัวตรงๆ เพื่อที่ผ้านวมผืนนั้นจะห่มพวกเราได้ทั่วถึงกันทุกคน
 
การไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ความอดทน ขยันหมั่นเพียร และคุณธรรมความดี ของแม่ส่งผลให้งานของแม่ ซึ่งเริ่มจากโรงเรียนที่คุณปู่คุณย่าของ
แม่ได้ริเริ่มขึ้น ได้ขยายกิจการและเติบโตมาเป็นมหาวิทยาลัยในที่สุด ทั้งยังเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งเดียวในภาคใต้อีกด้วย
 
ความเพียรในการทำงาน ความเพียรในการทำความดีของแม่สมควรที่จะเป็นแบบอย่างแก่ผู้ที่ได้สัมผัส และรับทราบถึงความดีงามนี้
ในโอกาสนี้ ผู้เขียนขออัญเชิญอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายมีกำลังใจที่แข็งแรงที่จะประกอบกรรมดี และเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไปเทอญ
   
   
ศรินรักษ์ ดิษยะศริน